หลายคนอาจจะคิดและมีความกังวลไม่น้อยเลยว่า การพิมพ์ 3 มิติเป็นเทคโนโลยีที่จะมาพร้อมกับปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม เช่น เรื่องของการปล่อยมลพิษที่เป็นอันตราย หรือการใช้พลาสติกในปริมาณที่มากเกินไป จนเกิดขยะสะสมที่ยากต่อการย่อยสลาย
แต่รู้หรือไม่ว่าจริง ๆ แล้วงาน 3 มิติมีประโยชน์และช่วยสิ่งแวดล้อมได้ดีเลยทีเดียว อีกทั้งเทคโนโลยีการพิมพ์ 3 มิติยังมีการพัฒนาที่ยั่งยืนต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้นอีกด้วย ในบทความนี้เลยจะพาทุกคนมารู้จักการพิมพ์ 3 มิติในมุมมองเหล่านี้กัน ติดตามกันเลย!
Table of Contents
การพิมพ์ 3 มิติช่วยลดขยะได้อย่างไร?
อย่างที่ได้กล่าวไปแล้วว่าการพิมพ์ 3 มิติเป็นสิ่งที่สามารถช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมได้ เนื่องจากการผลิตชิ้นงานแบบเดิม ๆ จำเป็นที่จะต้องตัด เจาะ วัสดุออกมาเพื่อทำให้เกิดรูปทรงชิ้นงาน ซึ่งอาจทำให้เกิดขยะและมีความสิ้นเปลืองอย่างมาก จากเศษวัสดุที่เหลือทิ้ง ที่ไม่สามารถตัดแต่งนำมาใช้งานได้
แต่สำหรับงานพิมพ์ 3 มิติจะสามารถช่วยแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้ดี เพราะแทบจะไม่เหลือเศษวัสดุทิ้งจากการขึ้นรูปชิ้นงานเลย นอกจากนี้แล้วการพิมพ์งาน 3 มิติ ยังมีประโยชน์ต่อการพัฒนาที่ยั่งยืนอย่างไรบ้างอีกบ้าง? มาดูกันเลย
การผลิตแบบ On-demand
การผลิตแบบ On-demand เป็นการพิมพ์ 3 มิติที่สามารถช่วยลดการผลิตชิ้นงานที่เกินความจำเป็นได้ โดยเปลี่ยนเป็นวิธีการผลิตชิ้นงานตามออเดอร์หรือตามจำนวนที่สั่งเท่านั้น ซึ่งเป็นวิธีที่ช่วยลดการสูญเสียชิ้นงานที่เกินจากปริมาณที่ต้องการได้
การลดการใช้ทรัพยากร
อีกหนึ่งประโยชน์ของการใช้งานการพิมพ์ 3 มิติ คือ ช่วยลดการใช้ทรัพยากร โดยการพิมพ์งาน 3 มิติ จะใช้วัสดุที่จำเป็นต่อการผลิตเท่านั้น จึงช่วยลดทรัพยากรและลดการใช้วัสดุเกิดความจำเป็นได้ นอกจากนั้นยังช่วยลดการขนส่งวัตถุดิบได้อีกด้วย
การรีไซเคิลวัสดุ
ยิ่งไปกว่านั้นสำหรับการพิมพ์ 3 มิติยังมีอีกหนึ่งประโยชน์ที่สำคัญต่อสิ่งแวดล้อมมาก ๆ ก็คือ การที่สามารถนำชิ้นงานหรือวัสดุในการพิมพ์กลับมาใช้ในการพิมพ์ชิ้นงานใหม่ได้ นอกจากนั้นปัจจุบันนี้ในวงการการพิมพ์ 3 มิติก็ยังมีการพัฒนาวัสดุชีวภาพที่ย่อยสลายได้ออกมาเพื่อรักษาสิ่งแวดล้อมด้วยนั่นเอง
การออกแบบเพื่อความยั่งยืน
การพิมพ์ 3 มิติไม่เพียงแต่เป็นการปฏิวัติวงการผลิต แต่ยังเป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและเป็นการพัฒนาที่ยั่งยืน เพราะด้วยเทคโนโลยีนี้ เราสามารถออกแบบและผลิตชิ้นงานได้อย่างแม่นยำตามความต้องการ ลดการผลิตส่วนเกิน และลดปริมาณขยะจากการผลิต
นอกจากนี้ การพิมพ์ 3 มิติยังช่วยให้เราสามารถซ่อมแซมและทดแทนชิ้นส่วนที่เสียหายได้อย่างง่ายดาย ช่วยยืดอายุการใช้งานของผลิตภัณฑ์ และลดปริมาณขยะอิเล็กทรอนิกส์ได้
หลักการทำงานของการพิมพ์ 3 มิติ
การพิมพ์ 3 มิติ หรือการใช้งานเครื่องพิมพ์ 3 มิติ เป็นนวัตกรรมของการพิมพ์ที่จะช่วยให้งานที่ออกแบบไว้สามารถถูกผลิตออกมาได้อย่างสมจริงมากขึ้น สามารถจับต้องได้ และยังนำมาใช้ประโยชน์ได้จริงอีกด้วย กล่าวคือไม่ว่าจะออกแบบสิ่งไหนไว้ เครื่องพิมพ์ 3 มิติก็สามารถทำให้ชิ้นงานจากไฟล์ออกแบบกลายเป็นงานจริงขึ้นมาได้อย่างแน่นอน
สำหรับการทำงานของเครื่องพิมพ์ 3 มิติ จะเป็นการพิมพ์ชิ้นงานแบบทีละชั้นในแนวราบ หรือในแนวตัดขวางก็สามารถพิมพ์ได้เช่นกัน โดยเครื่องพิมพ์จะเลื่อนเอาฐานไปพิมพ์ชิ้นงานในแต่ละชั้นเอง และจะทำการเติมเนื้อวัสดุที่ใช้พิมพ์ในแต่ละชั้นแบบนี้ซ้ำ ๆ ไปเรื่อย ๆ จนได้เป็นชิ้นงานในรูปแบบงาน 3 มิติออกมา
วัสดุสำหรับการพิมพ์ 3 มิติที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
ปัจจุบันนี้การพิมพ์ 3 มิติเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายมากขึ้น จึงได้มีการพัฒนาวัสดุในการผลิตชิ้นงานเพื่อให้ได้ชิ้นงานที่หลากหลายและตอบโจทย์ต่อความต้องการของผู้คนมากที่สุด อีกทั้งยังได้มีการพัฒนาวัสดุในการพิมพ์ชิ้นงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้นอีกด้วย เช่น
- PLA (Polylactic Acid) เป็นวัสดุในการพิมพ์ 3 มิติที่ถือว่าได้รับความนิยมมากที่สุด โดยเป็นวัสดุที่ผลิตขึ้นมาจาก พืช เช่น ข้าวโพด ซึ่งสามารถย่อยสลายตามธรรมชาติได้เอง อีกทั้งยังเป็นวัสดุที่ช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในกระบวนการผลิตได้ด้วย
- PHA (Polyhydroxyalkanoate) เป็นวัสดุชีวภาพ ที่ผลิตขึ้นมาจากแบคทีเรีย มีคุณสมบัติที่คล้ายกับวัสดุ PLA แต่จุดเด่นคือมีความแข็งแรงที่มากกว่า ย่อยสลายได้เร็ว แถมยังทนทานต่อความร้อนได้ดีกว่าอีกด้วย
- PBS (Polybutylene Succinate) เป็นอีกหนึ่งวัสดุชีวภาพ ที่ผลิตขึ้นมาจากกรดซัคซินิกและบิวเทนไดออล มีคุณสมบัติที่ดีหลายอย่าง โดยเฉพาะการมีความยืดหยุ่นสูง และสามารถย่อยสลายทางชีวภาพได้
- PLA ผสมวัสดุธรรมชาติ เป็นวัสดุที่ได้มาจากธรรมชาติ เช่น กาแฟ ข้าวสาลี หรือว่าไม้ไผ่ จากนั้นนำวัสดุที่ได้มาผสมเข้ากับ PLA จนทำให้เกิดเป็นวัสดุชนิดใหม่ที่มีคุณสมบัติเฉพาะตัวขึ้นมา อีกทั้งยังมีข้อดีตรงที่ช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมได้ด้วยนั่นเอง
- วัสดุจากขยะรีไซเคิลพลาสติก เป็นวัสดุที่ได้มาจากขยะรีไซเคิลพลาสติก เช่น พลาสติก ABS หรือ PET โดยวัสดุชนิดนี้จะช่วยลดปริมาณขยะและมีข้อดีตรงที่สามารถนำกลับมาใช้ประโยชน์ใหม่ได้ด้วยนั่นเอง
การนำวัสดุเหลือใช้มาแปรรูปเป็นวัสดุสำหรับการพิมพ์ 3 มิติ
การนำวัสดุเหลือใช้มาแปรรูปเป็นวัสดุสำหรับการพิมพ์ 3 มิติ เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจในการลดปริมาณขยะและสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ ๆ ตัวอย่างเช่น การนำกากกาแฟมาเป็นฟิลเลอร์ในวัสดุพิมพ์ 3 มิติ เพื่อสร้างชิ้นงานที่มีความแข็งแรงและทนทาน หรือการรีไซเคิลขวดพลาสติกให้เป็นฟิลลาเมนต์สำหรับพิมพ์ 3 มิติ ซึ่งช่วยลดปริมาณขยะพลาสติกลงได้อย่างมาก
อย่างไรก็ตาม การนำวัสดุเหลือใช้มาใช้ในการพิมพ์ 3 มิติยังคงมีความท้าทายอยู่บ้าง เช่น การควบคุมความสม่ำเสมอของวัสดุ และการพัฒนาเทคโนโลยีที่เหมาะสมสำหรับการแปรรูปวัสดุแต่ละชนิด แต่ด้วยความร่วมมือจากนักวิจัย นักออกแบบ และผู้ประกอบการ เราเชื่อว่าเทคโนโลยีนี้จะมีบทบาทสำคัญในการสร้างอนาคตที่ยั่งยืน
สรุป
การพิมพ์ 3 มิติ ไม่เพียงแต่เป็นเทคโนโลยีที่ช่วยให้เราสร้างสรรค์ชิ้นงานที่ซับซ้อนและเป็นเอกลักษณ์ได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำเท่านั้น แต่ยังเป็นเครื่องมือสำคัญในการส่งเสริมความยั่งยืนและรักษาสิ่งแวดล้อมอีกด้วย โดยการนำวัสดุเหลือใช้ต่าง ๆ มาแปรรูปเพื่อใช้ในการพิมพ์ 3 มิติ
ซึ่งจะช่วยลดปริมาณขยะ ลดต้นทุนการผลิต และสร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ทำให้เทคโนโลยีนี้ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในปัจจุบันได้ดี และยังช่วยสร้างอนาคตที่ยั่งยืนให้กับโลกของเราอีกด้วย
หากสนใจติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ :
- เว็บไซต์: https://www.tkk3dprinting.com/
- ไลน์: @tkk3d
- Facebook: https://www.facebook.com/tkk3d
- โทร : 092-5995661 (Sale เบสท์)/ 066-1091563 (Sale ใบบัว)/ 092-7915191(Sale ฟลุค)/ 092-914-3997 (Sale น้อง)
TKK3D พร้อมให้บริการพิมพ์ 3 มิติ ที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการของคุณ